กว่าจะมาเป็น “เครื่องฟอกอากาศ” ทางเลือกที่ดีที่สุดของสุขภาพภายใต้สภาวะอากาศฝุ่นรุมเร้า

ในช่วงที่อากาศเป็นพิษต่อสุขภาพและทางเดินหายใจของเราในทุกวันนี้ ทางเลือกที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ ณ  ตอนนี้ก็คือการซื้อเครื่องฟอกอากาศมาตั้งในบ้าน เพื่อลดอนุภาคฝุ่นพิษที่จะทำร้ายเราให้น้อยที่สุด แต่อย่างไรก็ตามกว่าที่มันจะกลายมาเป็นเครื่องฟอกอากาศนั้น รู้หรือไม่ว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ป้องกันสารกัมมันตรังสีในอากาศมาก่อน

แผ่นกรอง HEPA ในเครื่องฟอกอากาศ สำหรับโครงการแมนฮัตตัน

หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับชื่อโครงการแมนฮัตตัน หากจำกันได้ในวิชาประวัติศาสตร์ โครงการนี้เป็นชื่อโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมีสหราชอาณาจักรและแคนาดาเป็นผู้ร่วมโครงการ โครงการได้ถือกำเนิดในปี 1942 และสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น ก่อนที่ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้สงคราม สิ่งที่เป็นจุดกำเนิดของเครื่องฟอกอากาศนี้ก็คือแผ่นกรองอากาศแบบ HEPA ที่มีความสามารถในการกรองอนุภาคที่มีความละเอียดมากกว่า 0.3 ไมครอน ได้มากกว่า 99.97% ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในโครงการแมนฮัตตันเช่นกัน เพราะการผลิตอาวุธนิวเคลียร์และระเบิดปรมาณูย่อมต้องมีสารกัมมันตรังสีเกิดขึ้นในการทดลองและการผลิต ทางโครงการจึงต้องหาวิธีการป้องกันสารกัมมันตรังสีไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ หลังผ่านการคิดค้นอยู่หลายวิธี สุดท้ายก็ค้นพบจากการนำเส้นใยไฟเบอร์กลาสมาถักทอจนมีขนาดเล็ก และละเอียดพอที่จะกรองอนุภาคที่มีขนาดละเอียดถึง 0.3 ไมครอน รวมทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ละอองน้ำมัน และเกสรดอกไม้ได้

กลายมาเป็นเครื่องฟอกอากาศในยุคปัจจุบัน

ภายหลังจากที่แผ่นกรองอากาศ HEPA ได้ถูกคิดค้นขึ้นและใช้สำหรับกรองอนุภาคที่มีความละเอียด 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ก็ได้ถูกนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อปกป้องฝุ่นหรือเชื้อไวรัสจากการผลิตในโรงงาน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสารกัมมันตรังสีไม่ได้เป็นปัญหาในสังคมปัจจุบัน มีเพียงฝุ่นละอองที่มีอนุภาคใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนที่รบกวนระบบทางเดินหายใจของเรา ดังนั้นจึงมีการผลิตแผ่นกรองอากาศที่ไม่จำเป็นต้องกรองได้ละเอียดเท่า HEPA ถึง 0.3 ไมครอน แต่หากกรองอนุภาคที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย สัก 1.0 – 3.0 ไมครอน ได้มากกว่า 95% ก็เพียงพอแล้ว และเป็นการประหยัดต้นทุนแผ่นกรองอากาศอีกด้วย

เกรดการกรองอนุภาคจะใช้ชื่อว่า MERV และตามด้วยตัวเลข เช่น MERV 12, MERV 13 สูงสุดที่ MERV 16 ยิ่งตัวเลขมากยิ่งกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ดี โดยตั้งแต่ MERV 17 จะเป็นเกรดของแผ่นกรองอากาศแบบ HEPA ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาการเผชิญกับฝุ่น PM 2.5 ขึ้นในหลายประเทศแผ่นกรองอากาศเหล่านี้จึงได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตเครื่องฟอกอากาศ และเนื่องจากฝุ่น PM 2.5 นั้นมีขนาดใหญ่ถึง 2.5 ไมครอน การใช้แผ่นกรองอากาศ HEPA ก็ถือว่ากรองอนุภาคขนาดนี้ได้อย่างดีเยี่ยม แต่หากเราต้องการลดต้นทุนขึ้นมาหน่อยก็สามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี MERV ต่ำกว่า 16 ลงไปได้ แต่ไม่ควรต่ำกว่า 13 เพราะประสิทธิภาพในการกรองอนุภาค 2.5 ไมครอน จะเริ่มต่ำกว่า 90% แล้ว

เครื่องฟอกอากาศที่ใช้กันตามบ้านเรือนในปัจจุบันนั้นมีวิวัฒนการมาจากเครื่องป้องกันสารกัมมันตรังสีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเครื่องฟอกอากาศนี้มีผู้ผลิตออกมาหลากหลายยี่ห้อ และหลากหลายคุณภาพ ด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่แบบนี้ การที่เราจะหาซื้อเครื่องฟอกอากาศมาไว้ที่บ้านก็ดูเป็นเรื่องจำเป็น และสิ่งที่เราควรคำนึงในการซื้อก็คือ เกรดของแผ่นกรองอากาศและงบประมาณที่เรามี